100 เมล็ด มะกล่ำตาหนู เมล็ดมะกล่ำตาหนู เมล็ดพันธุ์มะกล่ำตาหนู ตากล่ำ กล่ำเครือ
ชื่อสมุนไพร มะกล่ำตาหนู ชื่ออื่นๆ ตากล่ำ กล่ำเครือ กล่ำตาไก่ มะกล่ำเครือ (เหนือ อีสาน) มะแค๊ก (เชียงใหม่) เกรมกรอบ (เขมร) ไม้ไฟ (ตรัง) มะกล่ำดำ ตาดำตาแดง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Abrus precatorius L.
ชื่อพ้อง Abrus abrus (L.) Wright A. cyaneus R.Vig. A. maculatus Noronha A. minor Desv. A. pauciflorus Desv. A. squamulosus E.Mey. A. tunguensis Lima Glycine abrus L.
ชื่อวงศ์ Papilionaceae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้เถาเลื้อยอายุหลายปี สูงถึง 5 เมตร เถาเนื้ออ่อน สีเขียว ขนาดเล็ก เถากลมเล็กเรียวและมีขนสีขาวปกคลุม โคนเถาช่วงล่างจะแข็งและมีขนาดใหญ่ ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ เรียงสลับ ก้านหนึ่งจะมีใบย่อย 8-20 คู่ ใบย่อยรูปรีแกมขอบขนาน ปลายใบมีหนามขนาดเล็กติดอยู่ ใบยาว 5-20 มิลลิเมตร กว้าง 3-8 มิลลิเมตร โคนใบมน ปลายใบมน ขอบใบเรียบขนาน หน้าใบเรียบ หลังใบมีขนปกคลุม ท้องใบมีขนเล็กน้อย มีหูใบ ดอกออกเป็นช่อแบบช่อกระจะ ออกที่ซอกใบ ยาว 2.5-12 เซนติเมตร ก้านช่อดอกใหญ่ นิ่ม มีขนปกคลุม ยาว 9 มิลลิเมตร กลีบเลี้ยงเป็นสีเขียวหรือสีม่วงอ่อน เชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น 5 แฉก กลีบดอกมีรอยหยัก 4 รอยฟันเป็นสีเขียวอมเหลือง ผิวนอกมีขนปกคลุม กลีบดอกล่างจะใหญ่กว่ากลีบดอกช่วงบน และจะอัดแน่นติดกันอยู่ในช่อเดียวกัน ดอกรูปดอกถั่ว กลีบดอกสีชมพูแกมม่วง ดอกขนาดเล็ก ยาว 3 มิลลิเมตร กลีบกลางรูปไข่กลับ กลีบคู่ข้างรูปขอบขนาน กลีบคู่ล่างรูปไข่แกมรูปขอบขนาน มีเกสรตัวผู้ 9 อัน เกสรเพศเมียมีรังไข่รูปขอบขนาน มีขน ติดกันเป็นกระจุก ใบประดับรูปหอก ใบประดับย่อยรูปแถบแกมรูปขอบขนาน ปลายแหลม ผลเป็นฝักรูปทรงกระบอกแกมรูปไข่ ออกเป็นพวง ยาวแบน ยาว 2-4.5 เซนติเมตร กว้าง 1.2-1.4 เซนติเมตร มีขนสีน้ำตาล ปลายฝักแหลม เปลือกฝักเหนียว ฝักอ่อนมีสีเขียว ฝักแก่แตกได้ตามแนวยาว ภายในฝักมีเมล็ดอยู่ 3-6 เมล็ด รูปกลมรี เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3-5 มิลลิเมตร สีแดง บริเวณขั้วจะมีแถบสีดำ ผิวเรียบ เงามัน พบตามป่าเต็งรัง ออกดอกราวเดือนกันยายนถึงธันวาคม
สรรพคุณของมะกล่ำตาหนู
ใบมีรสหวานใช้ชงกับน้ำดื่มแทนน้ำชา จะช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำได้ (ใบ) ส่วนเถาและรากก็เป็นยาแก้ร้อนในกระหายน้ำเช่นกัน (เถาและราก)
เถาและรากมีรสจืด ชุ่ม เป็นยาสุขุม ไม่มีพิษ เป็นยาขับพิษร้อน (เถาและราก)
ใบใช้ต้มกับน้ำดื่มแก้อาการเจ็บคอ แก้หลอดลมอักเสบ แก้ไอ (ใบ) รากแก้เจ็บคอ ไอแห้ง (บ้างว่าใช้แก้เผื่อซางได้ด้วย) ด้วยการใช้รากแห้งประมาณ 10-15 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน (ราก) ส่วนเถาและรากแก้หลอดลมอักเสบ (เถาและราก)
รากมีรสเปรี้ยวขื่น เป็นยาแก้ไอ แก้หวัด แก้ไอแห้ง เสียงแห้ง กล่องเสียอักเสบ ตำรายาไทยจะใช้รากนำมาชงกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไอและหวัด (ราก)[4][6] ส่วนเถาและรากช่วยแก้ไอหวัด ไอแห้ง แก้คออักเสบ คอบวม คอเจ็บ แก้เสียงแห้ง ด้วยการใช้เถาและรากแห้งประมาณ 10-15 กรัมนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา (เถาและราก)
ช่วยแก้อาเจียน (เถาและราก)
เถาและรากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้หืด (เถาและราก)
ใบนำมาต้มกับน้ำดื่มจะช่วยกระตุ้นน้ำลาย (ใบ)
ช่วยขับเสมหะ กัดเสมหะ (ราก เถาและราก)
ช่วยแก้สะอึก (ราก)
ช่วยหล่อลื่นปอด (เถาและราก)
รากใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ด้วยการใช้รากแห้งประมาณ 10-15 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่ม (ราก เถาและราก ใบ)
ช่วยแก้ตับอักเสบ (เถาและราก ใบ)
ช่วยแก้ดีซ่าน (เถาและราก)
เมล็ดมะกล่ําตาหนูมีพิษ ใช้ได้เฉพาะเป็นยาทาภายนอก โดยจะมีรสเผ็ดเมาเบื่อ ให้ใช้เมล็ดแห้งนำมาบดให้ละเอียดผสมกับน้ำมันพืช น้ำ น้ำมันมะพร้าว หรือเกลือ ใช้พอกหรือทาแก้โรคผิวหนัง ฆ่าเชื้อบริเวณผิวหนัง กลากเกลื้อน หิด ฝีมีหนอง ฆ่าพยาธิผิวหนัง และแก้อาการบวมอักเสบได้ (เมล็ด)
ใบใช้ตำพอกแก้ปวดบวม แก้อักเสบ หรือนำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันพืชก่อนนำมาใช้พอก (ใบ)
ใบใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อาการปวดบวมตามข้อ ปวดตามแนวประสาท (ใบ)
หมายเหตุ : การใช้ตาม ในส่วนของใบใช้ภายในให้นำใบสดประมาณ 20-30 กรัม มาต้มกับน้ำดื่ม ส่วนการใช้ตาม ราก เถา ใบ ให้ใช้ยาแห้งครั้งละ 10-18 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน
อัตรางอก : อัตรางอกอาจแปรผันตามสภาวะแวดล้อมและวิธีการปลูกของผู้ปลูก เช่น ดินที่ใช้หรือวัสดุที่ใช้ วิธีการเพาะ อุปกรณ์ในการเพาะ อุณหภูมิ ความชื้น เป็นต้น
**เมล็ดพันธุ์ จำนวน 100 เมล็ด/ชุด